All New MG 3 ปี 2018
โฉมเฉี่ยวทันสมัยเร่งไว...ทรงตัวนิ่ง

LINE it!

     ในช่วงขับไป...คุยไป วันนี้เราจะได้มีโอกาสไปทดสอบกับรถรุ่นใหม่ของค่ายเอ็มจี นั้นคือ ALL NEW MG3 ซึ่งเป็นซีตี้คาร์สไตล์แฮทแบค์ ที่มีสีสันสดใส โดยดีไซน์ใหม่ให้โฉบเฉี่ยวเร้าใจยิ่งขึ้น ภายในออกแบบให้มีสไตล์เฉพาะตัวแบบโมเดิร์นกราฟฟิค พร้อมขุมพลัง 1500 ซีซี.กับเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด  ที่ให้สมรรถนะในการขับขี่ที่ทันใจและช่วงล่างที่ทรงตัวหนึบแน่นพร้อมระบบความปลอดภัยที่มั่นใจได้ 
     




     ก่อนที่จะไปพูดถึงบททดสอบมาดูที่รูปโฉมภายนอกของ ALL NEW MG3 ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากรถต้นแบบอย่างเอ็มจี อี-โมชั่น  จึงโดดเด่นด้วยกระจังหน้าใหม่ที่สปอร์ตมากกว่าเดิมในสไตล์ตะแกรงรังผึ้ง ส่วนไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ดีไซน์แบบเรียวยาวดูเฉี่ยวยิ่งขึ้น มาพร้อมกับไฟเดย์ไทม์ รันนิ่งไลท์ ที่ดูดีไซน์โดยรวมแล้วไม่ต่างจากเอ็มจี แซดเอสเท่าไหร่ และยังมีระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ (ที่มีเฉพาะรุ่น V) 
 
 
 


     ขณะที่ด้านข้างได้รับออกแบบให้ปราดเปรียวมีเส้นสายชัดเจนพาดจากด้านหน้าไปจนถึงซุ้มล้อหลัง และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ทรงตัว Y แบบ Bi-Colour ขนาด 16 นิ้วที่ดูใช้ได้ และกระจกมองข้างแบบปรับไฟฟ้าที่มีไฟเลี้ยวในตัว ขณะที่มือเปิดประตูดูจะเชยไปหน่อยเดี่ยวนี้ไม่ค่อยมีแบบนี้แล้ว แต่มีดีที่บนหลังคาได้ติดซันรูฟ แบบปรับไฟฟ้ามาให้ด้วย (ที่มีเฉพาะรุ่น X และ V) ซึ่งไม่ค่อยมีในรถรุ่นเดียวกัน





     ถัดมาจะเห็นหลังคาสีดำที่ตัดกับตัวรถสีเหลืองดูมีสีสันมากขึ้น ยกเว้นเสาอากาศแบบก้านที่ดูไม่เข้าท่า น่าจะติดเสาอากาศแบบครีบฉลามมาให้เลยจะดีกว่า และที่ซุ้มล้อหลังด้านในเท่าที่ดูไม่มีบังโคลนมาให้ ซึ่งจะทำให้เศษหินอาจกระเด็นโดนให้มีเสียงดังน่ารำคาญได้และจะทำให้บริเวณซุ้มล้อเป็นสนิมได้เร็วขึ้น ส่วนทางด้านหลังยังได้เสริมบุคลิกด้วยไฟท้ายทรงแนวตั้งในสไตล์เดิม แต่มาในแบบแอลอีดี ไลท์ไกด์ พร้อมสปอยเลอร์หลังคาที่เท่ในทุกมุมมอง (ที่มีเฉพาะรุ่น V) กับไฟเบรกดวงที่สาม 
 



   
     ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบที่มีสไตล์ดูหรูหราให้อารมณ์สปอร์ตพรีเมียมมากยิ่งขึ้น เด่นด้วยแผงคอนโซลแบบโมเดิร์นกราฟิก กับช่องแอร์ที่ดีไซน์ทรงกลมในสไตล์เจ็ทเทอร์ไบน์ และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ตที่สามารถควบคุมเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ พร้อมด้วยปุ่มครูซคอนโทรลที่ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติ



     และยังสนุกมากขึ้นกับจอระบบสัมผัส ขนาด 8 นิ้ว ที่มาช่วยเติมความสนุกในทุกเส้นทาง ด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายทั้งฟังเพลง ดูหนัง ค้นหาโรงแรมและร้านอาหาร พร้อมกล้องมองหลังขณะถอย และหัวเกียร์ทรงสปอร์ตจับกระชับมือหุ้มด้วยหนัง แต่เสียดายที่คอนโซลกลางได้ทำเป็นที่วางแก้วกับเบรกมือ น่าจะทำเป็นกล่องเก็บของได้แล้ว   
    
     ส่วนเบาะนั่งให้ความกว้างขวางนั่งสบาย โดยเบาะนั่งคนขับปรับได้ 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง ที่ผสมผสานหนังกับผ้าได้อย่างลงตัวพร้อมกับสีสันของเบาะด้วยลายโมเดิร์นกราฟิก ส่วนเบาะนั่งหลังสามารถปรับพับแยกเพื่อเก็บสัมภาระในแบบ 60:40 สร้างความสะดวกสบายได้อย่างลงตัว
 
    
     ทางด้านขุมพลังของ ALL NEW MG3 มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1500 ซีซีแบบ DOHC VTi-TECH ซึ่งมีระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีดมัลติพอยท์ สามารถให้กำลังสูงสุด 112 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที กับแรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติใหม่ เพื่อตอบสนองทุกการขับขี่อย่างเต็มประสิทธิภาพ และระบบเบรกหน้าแบบดิสก์เบรก พร้อมช่องระบายความร้อน กับระบบเบรกหลังแบบดรัมเบรก
 
   
     นอกจากนี้ยังได้ติดตั้งระบบการเชื่อมต่ออัจฉริยะ i-SMART .โดยใช้งานผ่านช่องทางการสั่งการ 3 ทาง ได้แก่ 1.ระบบสั่งการด้วยเสียง ผู้ขับขี่สามารถสั่งการ ระบบเครื่องเสียง / ระบบปรับอากาศ / โทรออก และระบบนำทาง  2. ระบบสั่งการผ่านหน้าจอทัชสกรีน รองรับการใช้งานระบบนำทางเนวิเกชัน  พร้อมระบบตรวจสอบการจราจรแบบเรียลไทม์ อีกทั้งยังมีระบบที่สามารถแนะนำร้านอาหาร และที่พักบนแผนที่นำทาง และยังสนุกกับเสียงเพลงจากศิลปินค่ายต่างๆ   

     
     และ 3.ระบบสั่งการด้วยมือถือ ที่สามารถสั่งการได้หลายฟังก์ชันไม่ว่าจะเป็น ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง สภาพการทำงานของแบตเตอรี่ ถุงลมนิรภัย และสามารถที่จะล็อกและปลดล็อกประตูได้ พร้อมกับช่วยบอกตำแหน่งรถยนต์และแจ้งเตือนการสตาร์ทเครื่องที่ผิดปกติซึ่งอาจเกิดจากการโจรกรรม ตรงนี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้อีกระดับ 
     
     และมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยแบบ SYNCHRONIZE PROTECTION SYSTEM รวม 8 ฟังก์ชัน ที่ทำงานประสานกันเป็นหนึ่งเดียว ประกอบด้วย ระบบ ABS ที่ป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน พร้อมระบบ EBD ที่มาช่วยกระจายแรงเบรก กับระบบ EBA ที่เสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์  และระบบ SCS ควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ ส่วนระบบ CBC นั้นมาช่วยควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง กับระบบ TCS ยังสามารถป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล และระบบ HAS มาช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน ปิดท้ายด้วยระบบ MSR ที่ป้องกันการลื่นไถล เมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน 
   
 
     ในช่วงของการทดสอบรถ MG 3 ใหม่ปี 2018 นั้น ทางค่ายเอ็มจีได้นำรถ New MG 3 รุ่น V Sunroof ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุด มาให้บรรดาสื่อมวลชนสายยานยนต์ได้ลองขับจากกรุงเทพฯ-หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมระยะทางไป-กลับประมาณ 500 กว่ากม. ทั้งนี้เพื่อสัมผัสถึงสมรรถนะของรถโดยรวม ไม่ว่าจะเป็น พละกำลังของเครื่องที่ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติแบบ 4 สปีด พร้อมประสิทธิภาพของช่วงล่างที่ดีมากน้อยแค่ไหน รวมถึงฟังชันท์ใหม่ ๆ ที่มาเสริมให้การขับสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น   
   


 
     ก่อนที่ไปว่าถึงการทดสอบสมรรถนะรถ ขอมาสำรวจภายในห้องโดยสารของรถเอ็มจี 3 ใหม่ ซึ่งได้รับการออกแบบดีไซน์ให้ทันสมัยสไตล์โมเดิร์นจริง ๆ โดยเฉพาะพวงมาลัยทรงตัว D ดีไซน์อารมณ์สปอร์ต และยังมีคลิปร่องมือทำให้จับพวงมาลัยกระชับมือยิ่งขึ้น พร้อมกับคอนโซลหน้าเสริมด้วยลวดลายโมเดิร์นกับลายคาร์บอนเคฟลาร์ได้อย่างถูกใจที่ยังไม่เห็นมีในรถรุ่นเดียวกันที่ดีไซน์ในสไตล์แบบนี้ และเบาะนั่งที่ออกแบบมาในสไตล์เดียวกัน โดยเบาะนั่งด้านหน้าให้ความโอบกระชับพอสมควร แต่พนักพิงศีรษะดูจะดันหัวไปหน่อย และตัวฐานเบาะมีความยาวไม่มากนัก ทำให้ใต้ต้นขายื่นออกมาเพราะผู้ทดสอบตัวสูง 180 ซม.ซึ่งอาจทำให้เกิดความเมื่อยล้าได้เมื่อต้องขับระยะไกล
 
   
     ส่วนการปรับตำแหน่งเบาะฝั่งคนขับสามารถปรับได้ 6 ทิศทาง ส่วนเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง แต่อย่างไรก็ดีจุดเด่นที่ต้องชื่นชมคือ ระยะเฮดรูมยังพอมีเหลือ ทำให้ผู้ขับรู้สึกว่าห้องโดยสารนั้นโปร่งโล่งสบายไม่ค่อยอึดอัดเท่าไหร่ ส่วนเบาะแถวหลังก็สามารถนั่งได้สบายเพราะพนักพิงมีองศาเอนไปข้างหลังกำลังดี พร้อมกับเลครูมที่มีระยะห่างระหว่างเบาะแถวหลังกับเบาะคู่หน้ายังมีพื้นที่เหลือไม่น้อย  ทำให้ผู้โดยสารที่ขายาวไม่ต้องกังวลว่าหัวเข่าจะไปเบียดกับเบาะหน้า



     ในช่วงแรกของการทดสอบก็ประเดิมด้วยการฝ่าจราจรในกรุงเทพฯ โดยเริ่มสตาร์ทจากใจกลางเมืองย่านราชประสงค์ ซึ่งแน่นอนด้วยขนาดของตัวรถที่เล็กเหมาะกับการขับใช้งานในเมือง จึงไม่ใช่ปัญหาในการขับผ่านเส้นทางที่มีจราจรติดขัด ไม่ว่าจะเป็นการออกตัวที่เร่งไปได้เรื่อย ๆ เพราะด้วยแรงบิด 150 นิวตันเมตร ที่ให้มาก็เพียงพอที่จะลากน้ำหนักตัวรถได้ไม่ยาก และให้ความคล่องตัวได้เป็นอย่างดีสามารถที่ซอกแซกไปตามถนนหนทางได้ง่าย ๆ  แต่ช่วงที่ขับช้า ๆ ก็รับรู้ถึงพวงมาลัยที่มีน้ำหนักมากไปหน่อย สำหรับผู้ขับที่เป็นผู้หญิงน่าจะไม่ค่อยชอบ ซึ่งตรงนี้ทางเอ็มจีน่าจะปรับปรุงให้เบามือขึ้น เพราะทราบมาว่ากลุ่มลูกค้าของรถเอ็มจี 3 ใหม่จะเป็นผู้หญิงเสียส่วนใหญ่  

     
     ขณะเดียวกันในช่วงรถติดๆ นี้ก็ยังได้ลองใช้ฟีเจอร์ใหม่ของระบบ i-Smart ที่มาช่วยเพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น โดยเฉพาะการเลือกใช้แอพพลิเคชั่น Wongnai ที่ขึ้นชื่อเป็นที่รู้จักกันอย่างดี โดยได้ลองค้นหาร้านอาหาร ซึ่งเป็นจุดรับประทานอาหารกลางวัน ระบบก็สามารถแสดงผลออกมาผ่านจอขนาด 8 นิ้วให้ทราบในเวลาไม่นานนัก โดยสามารถบอกตำแหน่งและพิกัด พร้อมกับรายละเอียดต่างๆ เป็นภาพประกอบมาให้ ทั้งการรีวิวและราคาอาหารคร่าวๆ ให้ได้ทราบอีกด้วย

 
   
     และระหว่างทางถ้าจะให้ตั้งหน้าตั้งตาขับอย่างเดียวคงจะน่าเบื่อเลยต้องหันไปฟังวิทยุ FM เพื่อเปิดฟังเพลง แต่ไม่ค่อยได้ดังใจเพราะบางช่วงอาจมีสัญญาณไม่ชัดเลยเสียอรรถรสในการฟัง หรือบางคลื่นอาจเปิดเพลงไม่ตรงกับสไตล์ความชอบของเรา ดังนั้นเลยหันไปลองใช้ฟังก์ชันใช้งาน Online Music ในรูปแบบ Live Stream บนระบบคลาวด์ได้กว่า 1 ล้านเพลงทั้งเพลงสากลและเพลงไทย ซึ่งแน่นอนว่ามันช่วยแก้ปัญหาเรื่องการฟังเพลงผ่านวิทยุได้ทันที เพราะสามารถตอบโจทย์การฟังเพลงในสไตล์ที่ชื่นชอบได้เป็นอย่างดี

 
     จากนั้นพอขึ้นทางด่วนเพชรบุรีและต่อเนื่องมาลงที่ถนนพระรามสอง ทำให้มีโอกาสได้ลองขับทางยาว  ๆ ด้วยขุมพลังเครื่องที่มีอยู่ 112 แรงม้าที่มากกว่าของเดิม 106 แรงม้าก็สามารถจะเผยกำลังออกมาได้ไม่ยาก ทำให้ช่วงที่รถลอยตัวระหว่าง 60 -100 กม./ชม.ยิ่งเร่งความเร็วขึ้นไปได้ทันใจใช้เวลาแป๊บเดียว โดยทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด แบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์ ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่าเชยไปแล้วและมีความกังวลใจว่าจะมีประสิทธิภาพดีพอหรือเปล่า 
   
 
     มาถึงตรงนี้บอกได้เลยว่าทั้งเครื่องยนต์กับเกียร์อัตโนมัติของรุ่นนี้ได้หยิบยืมมาจากรถรุ่นพี่อย่าง MG ZS  ซึ่งทางค่ายเอ็มจีคิดว่าน่าจะเหมาะสมกับเอ็มจี 3 ใหม่เช่นกัน แน่นอนว่าด้วยน้ำหนักตัวรถที่เบากว่า ZS จึงทำให้พละกำลังของรุ่นนี้ทำได้ดีกว่า  และในส่วนของเกียร์อัตโนมัติ สบายใจได้เพราะพยายามจับอาการของเกียร์อยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่มีอาการสะดุดให้รับรู้ ทั้งๆ ที่เกียร์มีแค่ 4  สปีดช่องว่างระหว่างเกียร์แต่ละจังหวะย่อมมีมาก แต่การทำงานของเกียร์กับลื่นไหลและการเปลี่ยนเกียร์ยังทำได้อย่างนุ่มนวลเกินความคาดหมาย  



     และนั้นทำให้การเร่งความเร็วทำได้อย่างต่อเนื่อง โดยความเร็วที่ 100 กม./ชม.ใช้รอบเครื่องอยู่ที่ 2,500 รอบต่อนาที ที่ดูแล้วจะใช้รอบสูงไปเมื่อเทียบกับรถรุ่นเดียวกัน  ตรงนี้ย่อมมีผลในเรื่องของการกินน้ำมันอยู่บ้าง และเมื่อกดคันเร่งเพิ่มขึ้นไปที่ 120 กม./ชม.ได้ใช้เวลาแป๊บเดียว แต่รอบก็เขยิบขึ้นไปที่ 3,000 รอบต่อนาที  ซึ่งในช่วงเร่งแซงรถคันอื่นระหว่าง 80-120 กม./ชม.นั้นสามารถทำได้ทันใจรู้สึกขับสนุกยิ่งขึ้นเพราะเครื่องสามารถปล่อยกำลังออกมาได้อย่างเต็มที่  
 
   
     ขณะเดียวกันในช่วงที่เจอกับถนนสองเลน เวลาที่ต้องการจะเร่งแซงรถคันหน้าที่วิ่งช้า...มั่วแต่ขับชมวิวเหมือนไม่สนใจรถคันหลัง ซึ่งมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นเวลาจะเร่งแซงก็จะเสียจังหวะไม่สามารถใช้ความเร็วต่อเนื่องได้ เพราะรถวิ่งสวนมาทำให้ต้องใช้รอบมากขึ้น ซึ่งเกียร์ในโหมด D ก็สามารถพอที่จะเร่งแซงได้แต่ต้องใช้รอบประมาณ  4000 รอบ หรือจะหันมาใช้โหมด S ก็จะมั่นใจยิ่งกว่าเพราะลากรอบได้ลื่นไหลมากกว่า เช่นเดียวกับโหมดแมนน่วนที่สามารถเชนเกียร์ลงมาที่เกียร์ 3 ก็จะช่วยให้มีกำลังเร่งแซงผ่านไปได้เช่นกัน
 

     
     และอีกอย่างในการใช้โหมด  S ซึ่งมาช่วยให้การเร่งแซงทำได้เร็วขึ้น ส่วนใหญ่ที่เจอรอบเครื่องจะสูงกว่าโหมด D ในขณะที่ความเร็วเท่ากัน แต่สำหรับรถรุ่นนี้กับใช้รอบเครื่องไม่ต่างกัน อย่างความเร็วที่ 100  กม./ชม.จะใช้อยู่ที่ 2,500 รอบ พอหันมาใช้โหมด S หรือ โหมดแมนน่วน  ก็ยังใช้รอบเครื่องเท่าเดิม ซึ่งตรงนี้เป็นข้อดีที่ต่างจากรถรุ่นอื่น  นอกจากนี้ในทางลาดชันหรือขับขึ้นเขาก็พอจะมีกำลังที่จะวิ่งขึ้นไปได้เรื่อย ๆ  เรียกว่ายังพอที่จะรีดกำลังออกมาได้มากกว่า ZS ที่ตัวรถมีน้ำหนักมากกว่า  
     


     มาถึงในส่วนของช่วงล่างที่ต้องคุยให้รับรู้...โดยด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง กับด้านหลังแบบทอร์ชันบีม ซึ่งทางเอ็มจีได้ปรับเซ็ทช่วงล่างมาอย่างลงตัว เพื่อเน้นให้ขับสนุกอย่างมั่นใจ เพราะในช่วงทางตรงที่ขับใช้ความเร็วสูงระดับ 140 กม./ชม. ตัวรถยังคงให้การทรงตัวที่นิ่งไม่ได้มีอาการหวิวให้รับรู้ หรือแม้จะลองขับแบบเปลี่ยนเลนกะทันหันก็ยังสามารถทรงตัวได้น่าพอใจ ควบคู่ไปกับพวงมาลัยที่ให้น้ำหนักหนืดกำลังดีในช่วงที่ใช้ความเร็วและให้ความแม่นยำใช้ได้ เช่นเดียวกับเส้นทางโค้งที่งานนี้ต้องเจออยู่พอสมควร แต่สบายใจได้เพราะช่วงล่างสามารถที่จะเกาะถนนได้อย่างหนึบแน่น...ไม่มีนิสัยดื้อโค้งแต่อย่างใด
             


     นอกจากนี้ในเรื่องของความนุ่มนวลของช่วงล่างที่ได้สัมผัสตลอดการเดินทางจัดว่าใช้ได้ไม่ถึงกับนุ่มสบายแต่ก็ไม่กระด้าง ยังคงสามารถรองรับถนนที่ขุรขระหรือรอยต่อของถนนได้ดีพอประมาณ ซึ่งไม่ทำให้สะเทือนมากนัก  พร้อมกันนั้นระบบเบรกที่ให้มาทั้งดิสถ์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อนและดรัมเบรกหลัง ก็เพียงพอที่จะใช้งานกับกำลังของเครื่องยนต์ที่มีอยู่  โดยกดเบรกไม่ต้องมากก็สามารถชะลอความเร็วลงได้แล้วหรือสั่งให้หยุดได้ทันที เพราะคาลิปเปอร์จับค่อนข้างไว ดังนั้นจึงไม่ควรกดเบรกหนัก ซึ่งอาจหัวทิ่มได้ เพราะช่องว่างของระยะเบรกมีน้อย    

 
      ปิดท้ายก่อนเข้าที่พักทางทีมงานยังได้จัดทดสอบช่วงสั้น ๆ ในสไตล์จิมคาน่าให้ลองขับอีกในบริเวณสนามหน้าโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นการขับแบบเลนเชนท์ หรือเปลี่ยนเลนกระทันหัน และขับแบบสลาลม ซึ่งเอ็มจี 3 ใหม่สามารถขับได้อย่างคล่องตัว โดยสามารถบังคับพวงมาลัยทั้งหมุนซ้ายและหมุนขวาได้อย่างแม่นยำ ทำให้สามารถผ่านด่านต่าง ๆ ที่กำหนดได้อย่างสบาย รวมถึงฟิลลิ่งในการขับแบบรอบวงกลมก็สามารถขับผ่านไปได้อย่างมั่นใจ เพราะอาศัยช่วงล่างที่ให้การทรงตัวและเกาะถนนได้หนึบแน่น       
 




     สำหรับสีตัวรถของ MG3 ใหม่ ที่มีให้เลือก 5 สี โดยเฉพาะสีเหลือง-ทิวดอร์ เยลโล่ (Tudor Yellow) ดูจะเด่นสุด  เพราะตัดด้วยหลังคาสีดำ , แดง-รูบี เรด (Ruby Red) หลังคาดำ, ฟ้า-มารีนา บลู (Marina Blue) หลังคาขาว และสีพื้นอีก 2 สีคือ ขาว-อาร์กติกไวท์ (Arctic White) และดำ-แบล็คไนท์ (Black Knight) โดยมีให้เลือก 4 รุ่นย่อยเริ่มที่รุ่น C 519,000 บาท, รุ่น D 549,000 บาท, รุ่น X Sunroof 589,000 บาท และรุ่น  V Sunroof ราคา 629,000 บาท พร้อมกันนี้ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ ALL NEW MG3 จะได้รับแพ็คเกจใช้งานระบบอัจฉริยะ i-SMART ฟรี เป็นระยะเวลา 5 ปี หลังจากนั้นจะต้องจ่ายเอง 
 
   
     สรุปโดยรวมกับการทดสอบรถ MG3 ใหม่ ถึงจะบอกไว้ว่าเป็น All New MG 3 ก็ตามที่ แต่เมื่อดูโดยรวมแล้วจัดเป็นบิ๊กไมเนอร์เชนท์เท่านั้น โดยเฉพาะหน้าตาที่เปลี่ยนไปโฉบเฉี่ยวกว่าเดิมเยอะ แต่ด้านท้ายยังคงสไตล์เดิมปรับแต่งไม่มากเท่าไหร่ ส่วนภายในดูทันสมัยเด่นเกินรุ่นเดียวกัน พร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์กับเกียร์ก็เพียงพอที่ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างลงตัว เช่นเดียวกับช่วงล่างที่ดีเกินคาด รวมถึงฟังชันท์การใช้งานที่หลากหลาย ทำให้รถรุ่นนี้มีดีไม่น้อยทีเดียว แถมด้วยระบบความปลอดภัยที่โดนใจใช้งานได้จริง  
 

คำค้น : New MG 3 ปี 2018 , ทดสอบรถ New MG 3 ปี 2018 , รีวิวทดสอบรถ New MG 3 ปี 2018 , ลองขับ New MG 3 ปี 2018 , เทสต์ไดร์ New MG 3 ปี 2018 , ขับทดสอบ All New MG 3 , รีวิว All New MG 3 ปี 2018 , เปิดตัว All New MG 3 , เผยโฉม All New MG 3 , ราคาจำหน่าย All New MG 3 , รีวิวทดสอบรถเอ็มจี 3 ใหม่ 2018 , ทดลองข้บรถ MG 3 ใหม่ 2018 , 2018 ทดสอบรถเอ็มจี 3 ใหม่ล่าสุด , ลองขับซีตี้คาร์ MG 3 ใหม่ , แนะนำซีตี้คาร์รุ่นใหม่ , สมรรถนะของ MG 3ใหม่ , testdrive New MG 3